เมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและทำไมถึงควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง..สำนักแต่งรถGODTOWA มีคำตอบ

Last updated: 17 มิ.ย. 2566  |  3942 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและทำไมถึงควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง..สำนักแต่งรถGODTOWA มีคำตอบ

   สำหรับ ปัจจัยที่ชี้ชัดว่าควรจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันนั้น นอกจากระยะทางและระยะเวลาที่ยึดถือปฏิบัติกันอยู่แล้ว ก็จะมีองค์ประกอบอื่นที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งเรียงลำดับความสำคัญแล้วก็จะออกมาดังนี้

1. ความถี่ในการสตาร์ทขณะเครื่องเย็นมากๆ ทั้งนี้ก็เนื่องจากการที่เกิดการควบแน่นในขณะที่เครื่องเย็นมากกว่าปกติ

2.สภาพแวดล้อม (หนาว-เย็น) โดยรอบ คือ ต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนกว่าที่เครื่องจะถึงอุณหภูมิทำงาน

3.ระยะทางที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คือ ถ้าระยะทางที่ใช้แต่ละวันค่อนข้างสั้นและใช้แต่ความเร็วต่ำ  ก็จะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว

กว่าด้วย ในกรณีที่ต้องประสบกับสภาพจราจรที่จอดนิ่ง บ่อยๆ เครื่องยนต์ทำงานตลอด แต่รถ ไม่เคลื่อนที่นั้น   การเสื่อมสภาพ

ของน้ำมันเครื่องและการสึกหรอของเครื่องยนต์นั้นจะมากกว่าการขับแบบถนนโล่งๆ เพราะฉะนั้นถ้าต้องประสบ กับการจราจรที่แสน

สาหัสล่ะก็   เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้เร็วขึ้นอีกนิดก็จะ เป็นการดีกว่า หรือกลับกัน ในกรณีที่ใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องก็ทำให้น้ำมัน

เสื่อมสภาพเร็วกว่าด้วยเช่นกัน

4. ถ้าเป็นรถยนต์นั่งที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ส่วนใหญ่ผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่นจะระบุให้เปลี่ยนถ่ายตามเกรดและ

ประสิทธิภาพ ของน้ำมันเครื่อง หรือถ้าเป็นรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ ปี แต่ถ้าเป็นผู้

ผลิตรถ จะระบุให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 8,000-10,000 กม. หรือทุกๆ 6 เดือน (สำหรับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์) แล้วแต่ว่า

อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าถ้าต้องการการปกป้องสูงสุด ก็ต้องเปลี่ยนกันทุกๆ 5,000 กม. หรือ 3 เดือน

พูดง่ายๆ ว่าเปลี่ยนยิ่งบ่อยก็ยิ่งยืดอายุของเครื่องนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็จะหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง

5.แจ้ง เตือนเมื่อถึงระยะที่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องติดตัวมาจากโรงงาน ซึ่งนั่นทำให้การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกลายเป็นเรื่อง

ง่ายขึ้น และช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะใช้งานจนเกินระยะทางที่กำหนด แต่ถ้ารถคุณไม่มี (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น) ก็ไม่ต้อง

กลัวไปครับ ตัวช่วยมีเยอะแยะ อย่างที่ “นาย T” นิยมใช้ก็จะเป็นการบันทึกลงในโทรศัพท์มือถือ ทั้งระยะทาง, วัน/เดือน/ปีที่เปลี่ยน

ถ่าย และแบรนด์-รุ่นของน้ำมันเครื่องที่ใช้ แต่ถ้าโทรศัพท์มือถือหายก็ตัวใครตัวมันละกันครับ หรือจะหากระดาษใบเล็กๆ จดราย

ละเอียดใส่ไว้ในช่องเก็บของก็ได้

 6.ใน กรณีที่เป็นรถจอดมากกว่าวิ่ง อย่างน้อยๆ ก็ควรที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ 6 เดือน เพราะทุกครั้งที่เครื่องยนต์ทำงาน

ภายในเครื่องยนต์จะมีคราบเขม่าและความชื้นจากการเผาไหม้ตกค้างอยู่นั่นเอง ครับ และความชื้นกับชิ้นส่วนต่างๆ ที่เป็นโลหะนั้นก็

ไม่ค่อยจะถูกกันซะด้วยซิครับ ถึงจะจอดนิ่งๆ ก็เลี่ยงเรื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันไม่ได้

7.ด้วย รูปแบบการใช้งานของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ทำให้ความถี่ในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องของรถไม่เท่ากัน เพราะบางคนอาจ

ใช้รถแค่เดือนละ 1,000 กม. ในขณะที่บางคนเดือนเศษๆ ก็ถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว ในกรณีที่ต้องการยืดระยะทาง

หรือเวลาในการเปลี่ยนถ่าย อันเนื่องมาจากไม่สะดวกที่จะต้องเข้ารับบริการบ่อยๆ ก็จะต้องกระโดดไปเล่นกับ Fully Synthetic Oil

แล้วล่ะครับ แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้น้ำมันเกรดใด ที่จะละเลยไม่ได้เลยก็คือต้องหมั่นตรวจสอบปริมาณและสภาพของน้ำมันเครื่อง อยู่

เสมอด้วยล่ะครับ จริงๆ แล้วก็ทุกชนิด อย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องและแหวนรองน็อตถ่ายน้ำมันเครื่องทุก ครั้ง


บทความจาก E-toyotaclub.com
 #ของแต่งรถนำเข้า #ของแต่งharrier #ของแต่งprado #ของแต่งestima #ของแต่งalphard #ของแต่งvellfire #ของแต่งalphardestima #godtowathailand 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้