ทำไม..รถวิ่งไม่ตรง

Last updated: 17 มิ.ย. 2566  |  6805 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทำไม..รถวิ่งไม่ตรง

                                            ทำไมรถวิ่งไม่ตรง

1. พวงมาลัยไม่ตรง

สำหรับสาเหตุนั้นหากเกิดขึ้นจากการไปเปลี่ยนพวงมาลัยมาใหม่ อันนี้อาจเป็นเพราะว่าพวงมาลัยที่ซื้อมานั้น ถึงจะทำไว้สำหรับรถยี่ห้อนั้นก็จริงแต่เป็นคนละรุ่น สำหรับวิธีแก้ไขนั้นต้องนำรถไปที่ร้านตั้งศูนย์ล้อ ให้ช่วยปรับที่ข้อต่อแกนหรือแร็คพวงมาลัยซึ่งอาจจะหายเลยก็ได้หรือบางทีก็ทำได้เพียงแค่เอียงน้อยลงกว่าเดิมไม่ถึงกับตรงเป๊ะ

      ส่วนพวงมาลัยที่มีคอพวงมาลัยทำเป็นอะแด๊ปเตอร์ต่อเชื่อม ระหว่างแกนพวงมาลัยกับวงพวงมาลัย แม้จะปรับเลื่อนแล้วก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ก็มักเกิดขึ้นจากคอพวงมาลัยตัวต่อไม่ตรงรุ่น หากหาซื้อคอพวงมาลัยที่ตรงรุ่นกับรถมาใช้ไม่ได้ ก็คงต้องพึ่งพาบริการของโรงกลึงเจาะรูใส่สกรูว์ยึดพวงมาลัยใหม่ หรือให้ร้านตั้งศูนย์ล้อช่วยจัดการปรับล้อให้ตรงกลับพวงมาลัย

    สำหรับรถรุ่นใหม่ๆที่พวงมาลัยมักจะมีถุงลมบรรจุอยู่ การเปลี่ยนวงพวงมาลัยไม่ง่ายเหมือนก่อน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นชุดแต่งของรถรุ่นนั้นไปเลย ราคาก็จะค่อนข้างสูง แต่ดีตรงที่ไม่ค่อยสร้างปัญหา อย่างไรก็ตามบางคันก็เป็นเรื่องขึ้นได้เหมือนกัน งานนี้ต้องคุยกับช่างตั้งศูนย์ล้อ

2.พวงมาลัยดึง

ลักษณะนี้ตัวก่อเรื่องนั้นมีด้วยกันหลากหลาย ต้องตรวจสอบและพิจารณาให้ดี

- ยางเป็นเรื่อง

เจอกันบ่อยที่อาการดึงข้างมีสาเหตุมาจากยางรถ ซึ่งการแก้ไขเล่นไม่ยากนัก เช่นแรงดันลมอาจจะต่ำไปก็ได้ ดังนั้นก่อนอื่นควรทดลองวัดแรงดันลมยางกันเป็นอย่างแรก หากมีปัญหาลมยางอ่อนก็มีลมให้เติมกันได้ฟรีๆ ตามปั๊มน้ำมัน

     เมื่อตรวจเช็คแล้วพบว่าลมยางเป็นปกติ หรือลมยางอ่อนและเติมลมยางจนเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่าเจ้าอาการดึงนั้นยังคงมีอยู่อีก อะไรไม่ว่าแถมยางที่ใช้ก็เป็นยางใหม่อีกต่างหาก เพิ่งควักกระเป๋าจ่ายค่ายางไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง และก่อนหน้าที่จะไปเปลี่ยนยางไม่ปรากฏอาการดึง แบบนี้แสดงว่าตัวปัญหาอยู่ที่ยางชุดใหม่นี่แหละ ซึ่งปัญหาก็ไม่มากมายร้ายแรงอันใด สาเหตุนั้นเกิดขึ้นจากอีตอนประกอบยาง การวางเส้นเข็มขัดรัดหน้ายางไม่อยู่ตำแหน่งที่ถูกต้องและเหมาะสมเท่าที่ควร (off center belf) ดังนั้นเวลาที่ยางกลิ้งไปบนถนนจะทำให้เกิดแรงกระแทกทางด้านข้าง (side force) เอาชนะแรงที่ทำให้ยางกลิ้งในทางตรง (Roll Straight Ahead)

     หากเกิดอาการในลักษณะเช่นนี้ การแก้ไขทำได้ไม่ยาก โดยการสลับยางหน้าทั้งสอง ถ้าปรากฏว่าอาการดึงเปลี่ยนไป โดยกลับไปดึงในทิศทางตรงกันข้ามแทน อย่างนี้แน่ใจได้เลยว่าอาการเกิดขึ้นจากยางเป็นเหตุแน่นอน และผลจากการสลับยางอาจทำให้การขับขี่ไม่นิ่มนวลเท่าที่ควรก็เป็นได้

    ถ้าพบว่าผลจากการสลับยางยังไม่ลงตัว อาการดึงยังมีอยู่อีกเล็กน้อย อาจทดลองสลับเอายางจากล้อหลังมาใช้แทน เผื่อว่ายางหลังจะมีการผลิตที่เนี๊ยบกว่า ไม่งั้นอาจต้องใช้วิธีเปลี่ยนยางกันใหม่

 3. ช่วงล่างมีปัญหา

ส่วนใหญ่ของรถที่มีอาการดึงไปด้านใดด้านหนึ่งนั้น มักเกิดขึ้นจากปัญหาของศูนย์ล้อไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เป็นเพราะแม้ศูนย์ล้อจะคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถทำให้รถเกิดอาการดึงไปด้านใดด้านหนึ่งได้

โอกาสที่ศูนย์ล้อจะเกิดการผิดเพี้ยนเปลี่ยนนั้นมีได้มาก อย่างเช่นถ้ายางมีการสึกหรอมากแต่ค่อนข้างสม่ำเสมอที่ขอบหน้ายางด้านใดด้านหนึ่ง จะมีผลทำให้มุมแค็มเบอร์ผิดไป และจะเกิดอาการดึงมากขึ้นยามขับบนถนนต่างระดับหรือพวกถนนหลังเต่า แต่หากขอบหน้ายางด้านใดด้านหนึ่งสึกเป็นจุด เป็นชั้น หรือสึกไม่เรียบ ปัญหาก็เหมือนกับว่าระบบช่วงล่างหลวมหรือตัวรองรับน้ำหนักทรุด ทำให้มุมแค็มเบอร์เปลี่ยนไปเป็นจังหวะๆขณะที่รถวิ่ง

        พวกคอยล์สปริงหรือแหนบที่นิ่ม ล้า หรือทรุดตัวแล้ว เป็นสาเหตุสำคัญที่มีผลทำให้มุมแค็มเบอร์เปลี่ยนแปลงรถที่ใช้ระบบรองรับน้ำหนักเป็นคอยล์สปริง เราสามารถทดสอบและตรวจเช็คว่ามันล้าหรือทรุดตัวหรือยังได้หลายทาง เช่น จากการสังเกตเวลาเลี้ยวเร็วๆจะพบว่าตัวรถมีอาการเอียงตัวมากกว่าปกติ หรือตรวจสอบความสูงของตัวรถ เมื่อพบว่าความสูงทางด้านหน้ากับด้านหลังตลอดจนด้านซ้ายกับด้านขวา มีความสูงแตกต่างกันเกินกว่า 13 มม. หรือ1/2 นิ้ว ก็แสดงว่าสปริงล้าหรือทรุดตัวแล้ว

   ส่วนรถที่ใช้ระบบรองรับน้ำหนักเป็นแหนบ ก็ต้องตรวจสอบว่าแหนบหักหรือเปล่า พวกน็อตสาแหรกยึดตับแหนบมีรายการหลุดหลวมคลายตัวบ้างหรือไม่ ตลอดจนพวกหูแหนบหรือโตงเตงแหนบอาจมีการชำรุด เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้สามารถเป็นตัวการที่ทำให้รถเกิดอาการดึงไปข้างใดข้างหนึ่งได้

       สำหรับพวกที่ใช้ระบบรองรับน้ำหนักเป็นทอร์ชั่นบาร์ พวกนี้เมื่อใช้ไปนานๆก็มีอาการล้าและทรุดตัวได้เช่นเดียวกันและไม่แน่ใจว่าด้านซ้ายกับด้านขวาจะทรุดตัวเท่ากันด้วย เนื่องจากการรับน้ำหนักจะแตกต่างกัน หากนั่งคนเดียวบ่อยๆ ด้านขวามักจะทรุดมากกว่าแต่ระบบรองรับน้ำหนักแบบทอร์ชั่นบาร์นี้ดีอยู่อย่าง คือสามารถปรับตั้งระดับความสูงได้ จึงควรตรวจเช็คและปรับระดับความสูงของรถให้เท่ากัน

   ลูกปืนและลูกหมาก

ลูกปืนและลูกหมากเป็นอีกจุด ที่สามารถสร้างปัญหาทำให้รถเกิดอาการดึงไปข้างใดข้างหนึ่ง ดังนั้นจึงควรมีการตรวจสอบสุขภาพของพวกลูกปืนล้อและลูกหมากด้วย ซึ่งอันที่จริงถ้าไม่กลัวมือเลอะและไม่ขี้เกียจออกแรง จะลงมือด้วยตัวเองก็ย่อมได้ไม่จำเป็นต้องไปง้อช่าง ยกเว้นอีตอนซ่อมเมื่อพบว่ามันชำรุด อันนี้ควักกระเป๋าจ่ายค่าแรงค่าแรงช่างซะโดยดี

      การตรวจสอบสุขภาพของลูกปืนล้อและลูกหมาก ทำได้โดยการใช้แม่แรงยกรถขึ้นให้ล้อลอยพ้นพื้น ถ้าหากรถเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท หรือระบบที่ใช้ลูกหมากปีกนกตัวล่าง (Lower Control Arm) เพียงตัวเดียว อย่างพวกปีกนกสองชั้นที่มีคอยล์สปริงอยู่ระหว่างปีกนกบนกับปีกนกล่างนี้จะเป็นตัวปรับจังหวะ เราก็สามารถขึ้นแม่แรงที่ปีกนกล่างตัวนี้ แต่ก็ต้องดูให้ดีด้วยเพราะหากไปเจอรถที่ใช้ปีกนกอะลูมิเนียม ก็ไม่สมควรไปยุ่งกับมันถึงรถบางรุ่นแม้จะมีปีกนกบนกับปีกนกล่าง แต่ตัวคอยล์สปริงติดตั้งอยู่ระหว่างปีกนกบน (Upper Control Arm)

กับตัวถัง ลูกหมากตัวบนจะเสนอหน้าเป็นตัวรับภาระน้ำหนักบรรทุกดังนั้นการขึ้นแม่แรงจึงต้องขึ้นที่โครงรถหรือตัวถังรถ จึงจะทำให้ลูกหมากอยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับน้ำหนักบรรทุก

         วิธีการขึ้นแม่แรงก็ขึ้นกันพอสมควรประมาณว่าให้หน้ายางด้านล่างลอยพ้นพื้นประมาณว่า 50 มม. หรือซัก 2 นิ้วกะลังสวย จากนั้นทำการทดสอบลูกปืนล้อ โดยการจับยางที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา กับ 6 นาฬิกา (จะจับที่ 11 หรือ 1 นาฬิกา กับ 5 หรือ 7 นาฬิกา ก็ไม่ผิดกติกาอันใด แต่อย่าจับแถว 3 กับ 9 นาฬิกา ก็แล้วกันโดยเฉพาะล้อหน้าเพราะมันจะเป็นมุมเลี้ยวสามารถขยับตามได้) เมื่อจับตรงตามตำแหน่งแล้วก็ออกแรงโยกเข้าออก (ซ้ายดึงเข้าขวาผลักออก ซ้ายผลักออกขวาดึงเข้า) เพื่อหาระยะรุน  หากมีระยะรุนหรือลูกปืนล้อขยับได้เกินเลยกว่า 0.2 มม. หรือ 0.008 นิ้ว แสดงว่าลูกปืนล้อหลวมต้องทำการแก้ไขให้ลดน้อยลง เพราะถ้าลูกปืนล้อหลวมก็เป็นตัวการอย่างหนึ่งที่ทำให้รถดึงไปข้างใดข้างหนึ่งได้ ยิ่งอีตอนขับบนถนนขรุขระอาการจะแสดงออกมาเป็นพิเศษ

        การตรวจสอบสุขภาพลูกหมากสามารถทำต่อเนื่องจากการตรวจสอบลูกปืนล้อได้เลย หลังจากตรวจเช็คลูกปืนล้อเรียบร้อยแล้วว่าไร้ปัญหา ให้ใช้แผ่นไม้ที่หนาและแข็งแรงพอสมควร สอดเข้าไปใต้ยางแล้วพยายามงัดขึ้น เพื่อสัมผัสด้วยความรู้สึกว่าลูกหมากหลวมมีระยะรุ่นหรือไม่ ถ้าพบว่ามีระยะรุนขยับเกินเลยกว่า 6 มม. หรือ 0.25 นิ้ว แสดงว่าลูกหมากหลวมต้องควักกระเป๋าเปลี่ยนลูกหมากตัวใหม่แล้ว

#ของแต่งรถนำเข้า #สำนักแต่งรถGodtowa #ของแต่งรถALPHARD #ของแต่งรถVELLFIRE #ของแต่งรถESTIMA #ของแต่งรถPRADO #ของแต่งรถHARRIER

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้