คู่มือพื้นฐานการดูแลรถ VELLFIRE

Last updated: 20 มิ.ย. 2568  |  12968 จำนวนผู้เข้าชม  | 

คู่มือพื้นฐานการดูแลรถ VELLFIRE

คู่มือพื้นฐานการดูแลรถ VELLFIRE

 

 

วิธีแก้เมื่อกุญแจรีโมทใช้การไม่ได้ (แบตหมด)


1. ใช้กุญแจสำรองไขประตู


- ดึงกุญแจที่ซ่อนในรีโมทออก
- เสียบและหมุนทางขวาเพื่อล็อกรถ (บิดค้างไว้)
- หมุนทางซ้ายเพื่อปลดล็อก (บิดค้างไว้)

2. ตรวจสอบตำแหน่งเกียร์

- ต้องอยู่ที่ตำแหน่ง P ก่อนดำเนินการต่อ

3. แตะหลังรีโมทกับปุ่ม Start

- แป้นหลังของรีโมทต้องสัมผัสปุ่ม Start เพื่อปลุกระบบ
- เมื่อมีเสียงเตือน ระบบจะเข้าสู่โหมด IGNITION ON


4. เข้าสู่โหมด ACCESSORY

- ระบบจะเปลี่ยนไปโหมด ACCESSORY โดยอัตโนมัติ
- ให้เหยียบเบรกจนสุด และสังเกตสัญลักษณ์กุญแจบนหน้าจอ

5. สตาร์ตเครื่องตามปกติ

- หากระบบตรวจจับกุญแจได้ ให้กดปุ่ม Start เพื่อสตาร์ตรถ

6. หากยังไม่สามารถสตาร์ตได้

- ติดต่อศูนย์บริการทันทีเพื่อทำการตรวจสอบ
 

 

 

 

ถ้าเครื่องยนต์ร้อนจัด

สถานการณ์ที่จะแสดงให้ทราบว่ารถของท่านมีอุณหภูมิที่สูงจะเห็นได้จากเข็มแสดงสถานะของมาตรวัดอุณหภูมิชี้ไปที่โซนสีแดงหรือกำลังเครื่องยนต์อ่อนลง และจะมีข้อความ “engine coolant temp high”แสดงขึ้นที่จอแสดงผล หลังจากนั้นก็จะมีไอน้ำออกมาจากฝาใต้กระโปรงหน้า


ขั้นตอนการแก้ไข

  1. เมื่อผู้ใช้รถทำการใช้รถอยู่ให้หยุดรถในที่ปลอดภัยและปิดระบบปรับอากาศ ตามด้วยดับเครื่องยนต์
  2. ถ้าคุณเห็นไอน้ำให้ยกฝากระโปรงหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังหลังจากไอน้ำลดลง และถ้าไม่มีไอน้ำให้ยกฝากระโปรงขึ้นอย่างระมัดระวัง
  3. หลังจากเครื่องยนต์เย็นลง ให้ทำการตรวจเช็คดูรอยรั่วของท่อยางและไส้หม้อน้ำ
  4. สังเกตระดับน้ำหล่อเย็นว่าอยู่ในระดับที่พอดีหรือไม่
  5. เติมน้ำหล่อเย็นถ้าจำเป็น ถ้าฉุกเฉินสามารถใช้น้ำเปล่าแทนได้
  6. สตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบปรับอากาศเพื่อตรวจเช็คการทำงานของพัดลมระบายความร้อน หม้อน้ำ และเพื่อตรวจเช็ครอยรั่วจากหม้อน้ำหรือท่อยาง
  7. ถ้าพัดลมไม่ทำงานให้ทำการดับเครื่องยนต์ทันทีและติดต่อกับศูนย์บริการ และในกรณีที่พัดลมทำงานก็ให้นำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์เพื่อความมั่นใจ

 

 

 

ข้อพึงระวังเกี่ยวกับก๊าซไอเสีย


ก๊าซไอเสียจะประกอบไปด้วยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ จะเป็นก๊าซที่เป็นอันตรายแต่ไม่มีสีไม่มีกลิ่น เมื่อก๊าซไอเสียเข้าสู่ตัวรถ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการวิงเวียนศีรษะหรืออาจทำให้เสียชีวิตได้ จะมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้

  • 1. ควรปิดประตูหลังให้สนิทอยู่เสมอ ถ้าหากยังได้กลิ่นก๊าซไอเสียในขณะที่ปิดประตูหลังสนิทแล้ว ให้เปิดหน้าต่างกระจกด้านข้าง และนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด
2. ถ้ารถอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกให้ดับเครื่องยนต์ อย่าปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานเป็นเวลานาน
และควรจอดรถในพื้นที่โล่ง เพื่อความปลอดภัยควรดูให้แน่ใจว่าควันไอเสียไม่เข้าไปในห้องโดยสารของรถ

3. ไม่ควรให้เครื่องยนต์ทำงานในบริเวณที่มีหิมะก่อตัวหรือในบริเวณที่มีหิมะตก เพราะอาจทำให้มีก๊าซไอเสียสะสมและกลับเข้าไปภายในรถได้

4. ควรทำการตรวจเช็คระบบไอเสียตามระยะเวลาที่กำหนด ดูว่าถ้ามีรอยร้าวหรือรอยแตกที่เกิดจากการผุกร่อน หรือท่อไอเสียมีเสียงดังผิดปกติให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็คและซ่อมแซมที่ศูนย์บริการทันที

 

 

 

ถ้าไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ออกจากตำแหน่ง P ได้

 
ถ้าในกรณีที่ไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ได้โดยที่เท้าอยู่บนแป้นเบรก อาจจะเป็นเพราะมีปัญหาที่ระบบล็อคเกียร์ คือ ระบบที่ป้องกันการเลื่อนคันเกียร์โดยบังเอิญ ถ้าเป็นปัญหาเกิดขึ้นให้นำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการโดยทันที แต่จะมีการแก้ไขเฉพาะหน้าในกรณีฉุกเฉิน มีขั้นตอนอย่างไรบ้างมาดูกัน

1. ให้เหยียบเบรกสำหรับจอด และทำการปรับสวิตซ์เครื่องยนต์ไปที่โหมดaccessory
2. เหยียบแป้นเบรกอีกครั้ง ตามด้วยกดปุ่มปลดล็อคคันเกียร์โดยใช้ไขควงปากแบนหรืออุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกัน
และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายควรพันปลายไขควงด้วยเศษผ้าก่อนที่จะทำการกดปุ่ม

 

ถ้ารถติดหล่ม


1. ให้ดับเครื่องยนต์ พร้อมกับใส่เบรกสำหรับจอดและเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งP
กำจัดดินโคลนหรือหิมะออกจากบริเวณรอบๆล้อหน้า และนำแผ่นไม้หรือหินหรือวัสดุที่สามารถใช้แทนได้วางใต้ล้อหน้าเพื่อ
2. ทำการช่วยเสริมแรง หลังจากนั้นให้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง
ให้เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งDหรือR พร้อมกับปลดเบรกสำหรับจอด จากนั้นให้เหยียบคันเร่งเพื่อทำการเลื่อนรถอย่างระมัดระวัง

**เมื่อไม่สามารถนำรถเคลื่อนออกมาได้ ให้ทำการกดปุ่ม OFF เพื่อปิด TRC ในกรณีที่ล้อรถหมุนฟรีหรือติดในโคลนดิน หรือหิมะ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้



 

ถ้าจำเป็นต้องหยุดรถในกรณีฉุกเฉิน

เฉพาะกรณีฉุกเฉิน เช่น กรณีที่ไม่สามารถหยุดรถได้ด้วยวิธีปกติ สามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. ให้เหยียบแป้นเบรกอย่างต่อเนื่องโดยใช้เท้าทั้ง2ข้างเหยียบแป้นเบรกให้สุด ไม่ควรเหยียบย้ำแป้นเบรกซ้ำๆ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มแรงที่ต้องใช้เพื่อทำให้รถช้าลง
2. ถ้าสามารถเลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่งNได้ ให้ทำการเลื่อนทันที หลังจากที่รถเริ่มช้าลงให้หยุดรถริมถนน ในที่ๆปลอดภัย และดับเครื่องยนต์
 3. ถ้าไม่สามารถเลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่งNได้ ให้เหยียบแป้นเบรกไว้ตลอดด้วยเท้าทั้งสองข้างเพื่อทำการลดความเร็วของรถให้ได้มากที่สุด และดับเครื่องยนต์ให้กดสวิตซ์ค้างไว้ต่อเนื่อง2วินาทีหรือมากกว่านั้น หรือกดย้ำๆ3ครั้งหรือมากกว่านั้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นให้หาที่หยุดรถในที่ปลอดภัยริมถนน

คำเตือน

          ถ้าจำเป็นต้องดับเครื่องยนต์ในขณะที่ขับขี่ ระบบเสริมแรงเบรกและพวงมาลัยจะไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บังคับเลี้ยวและเบรกได้ยากขึ้น ควรทำการลดความเร็วรถลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์

 

 

 

ถ้ารถยางแบน


โดยปกติแล้วที่รถแต่ละคันจะมียางอะไหล่ สามารถนำยางอะไหล่นี้ไปเปลี่ยนแทนได้
และเรามาดูกันว่าเมื่อไหร่บ้างที่ควรเปลี่ยนยาง

1. เมื่อยางรถเสียหาย เช่น ฉีกขาด ปริ หรือแตกเป็นรอยลึกพอที่สามารถทำให้ยางแตกได้
2. ยางแบนบ่อยๆ หรือไม่สามารถซ่อมได้เนื่องจากขนาดของรอยฉีกขาดอาจจะมากเกินไป
3. ยางโดยมาตรฐานที่มีอายุการใช้งานมากกว่า6ปี แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้งานหรือไม่เคยใช้งาน
จะต้องได้รับการตรวจเช็คโดยช่างอยู่เสมอ
4. เมื่อดอกยางของยางหิมะสึกหรอจนไม่มีดอกยางหรือดอกยางน้อยกว่า4มิลลิเมตร
ยางจะสูญเสียประสิทธิภาพในการใช้งานทันที
5. ควรติดตั้งยางอะไหล่ตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ จากนั้นติดยางอะไหล่ยึดไว้ให้แน่น
ถ้าทำการติดยึดไม่แน่น อาจจะทำให้มีเสียงในขณะรถวิ่งได้

 

 

แรงดันลมยาง

การตรวจเช็คแรงดันลมยาง ควรทำการตรวจเช็คอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกๆ2สัปดาห์

เมื่อแรงดันลมยางไม่เหมาะสมจะทำให้มีผมที่ตามมามีดังนี้

1. ทำให้ใช้พลังงานเชื่อเพลิงสิ้นเปลือง
2. ความสะดวกสบายในการขับขี่ลดลงและทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้น ความปลอดภัยลดลง
 3. อายุการใช้งานของยางลดลงเนื่องจากเกิดจากความสึกหรอ

 

การติดตั้งยางอะไหล่

1. ให้ทำการกำจัดสิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมออกจากพื้นผิวหน้าของกระทะล้อ
ถ้ามีสิ่งสกปรกเกาะอยู่จะทำให้น็อตล้อหลวมได้ในขณะรถเคลื่อนที่ จะเป็นเหตุให้ยางหลุดออกมาได้
2. ทำการติดตั้งยางอะไหล่และให้ใช้มือหมุนยึดน็อตแต่ละตัวไว้อย่างหลวมๆ ให้หมุนในจำนวนครั้งที่เท่ากันทุกๆตัว
และหมุนไปจนกว่าแหวนรองเข้ามาชิดกับจานกระทะล้อ หลังจากนั้นก็ยกรถลงมา
3.ไขยึดนัดล้อแต่ละตัวให้แน่นขึ้นกว่าเดิมสองถึงสามเท่า (ค่าแรงบิด103นิวตันเมตร)
4. เมื่อเสร็จแล้วให้เก็บยางแบนแม่แรง และเครื่องมือทั้งหมด ยางที่แบนแล้วจะไม่สามารถเก็บไว้ในที่เก็บยางอะไหล่ได้
ให้ทำการเก็บไว้ในห้องเก็บสัมภาระแทน

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้