คู่มือพื้นฐานการดูแลรถ VELLFIRE
ถ้ากุญแจอิเล็กทรอนิกส์ทำงานผิดปกติ
- เมื่อผู้ใช้รถไม่สามารถใช้งานผ่านกุญแจรีโมทได้ อาจเป็นเพราะแบตเตอรี่หมด ระบบทุกอย่างและรีโมทคอนโทรลจะไม่สามารถใช้งานได้ จะสามารถแก้ไขได้โดยวิธีใดเรามาดูกัน
- ดึงกุญแจสำหรับไขที่อยู่กับรีโมทคอนโทรลออกมาและเสียบสำหรับไขได้ในทิศทางเดียวเท่านั้นเนื่องจากกุญแจมีร่องเพียงด้านเดียว เสียบและหมุนไปทางขวาให้บิดค้างไว้เพื่อทำการล็อกประตูทุกบานและปิดกระจกข้างรวมทั้งหลังคามูนรู้ฟ
- หมุนกลับไปทางซ้ายเพื่อปลดล็อคประตูและกระจก โดยการบิดค้างไว้เช่นกัน
- ทำการตรวจเช็คให้แน่ใจว่าคันเกียร์อยู่ในตำแหน่งPหรือไม่
- นำบริเวณแป้นด้านหลังของรีโมทคอนโทรลไปแตะกับสวิตซ์เครื่องยนต์ ระบบจะทำการตรวจจับสัญญาณและจะมีเสียงเตือนดังขึ้นระบบก็จะทำการเปลี่ยนโหมดเป็นIGNITION ON
- เมื่อยกเลิกการใช้งานของระบบทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว สวิตซ์ของเครื่องยนต์จะเปลี่ยนไปอยู่ที่โหมดACCESSORY หลังจากนั้นให้เหยียบแป้นเบรกให้สุดและดูว่า สัญญานของกุญแจปรากฏขึ้นในจอแสดงผลหรือไม่ ถ้าปรากฏขึ้นแล้ว ให้กดสวิตซ์เครื่องยนต์ตามปกติ
** ในกรณีที่เครื่องยนต์ยังไม่สามารถทำงานตามปกติ ให้ทำการติดต่อกับทางศูนย์บริการทันที
ถ้าเครื่องยนต์ร้อนจัด
สถานการณ์ที่จะแสดงให้ทราบว่ารถของท่านมีอุณหภูมิที่สูงจะเห็นได้จากเข็มแสดงสถานะของมาตรวัดอุณหภูมิชี้ไปที่โซนสีแดงหรือกำลังเครื่องยนต์อ่อนลง และจะมีข้อความ “engine coolant temp high”แสดงขึ้นที่จอแสดงผล หลังจากนั้นก็จะมีไอน้ำออกมาจากฝาใต้กระโปรงหน้า
ขั้นตอนการแก้ไข
- เมื่อผู้ใช้รถทำการใช้รถอยู่ให้หยุดรถในที่ปลอดภัยและปิดระบบปรับอากาศ ตามด้วยดับเครื่องยนต์
- ถ้าคุณเห็นไอน้ำให้ยกฝากระโปรงหน้าขึ้นอย่างระมัดระวังหลังจากไอน้ำลดลง และถ้าไม่มีไอน้ำให้ยกฝากระโปรงขึ้นอย่างระมัดระวัง
- หลังจากเครื่องยนต์เย็นลง ให้ทำการตรวจเช็คดูรอยรั่วของท่อยางและไส้หม้อน้ำ
- สังเกตระดับน้ำหล่อเย็นว่าอยู่ในระดับที่พอดีหรือไม่
- เติมน้ำหล่อเย็นถ้าจำเป็น ถ้าฉุกเฉินสามารถใช้น้ำเปล่าแทนได้
- สตาร์ทเครื่องยนต์และเปิดระบบปรับอากาศเพื่อตรวจเช็คการทำงานของพัดลมระบายความร้อน หม้อน้ำ และเพื่อตรวจเช็ครอยรั่วจากหม้อน้ำหรือท่อยาง
- ถ้าพัดลมไม่ทำงานให้ทำการดับเครื่องยนต์ทันทีและติดต่อกับศูนย์บริการ และในกรณีที่พัดลมทำงานก็ให้นำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์เพื่อความมั่นใจ
ข้อพึงระวังเกี่ยวกับก๊าซไอเสีย
ก๊าซไอเสียจะประกอบไปด้วยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ จะเป็นก๊าซที่เป็นอันตรายแต่ไม่มีสีไม่มีกลิ่น เมื่อก๊าซไอเสียเข้าสู่ตัวรถ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการวิงเวียนศีรษะหรืออาจทำให้เสียชีวิตได้ จะมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้
- ควรปิดประตูหลังให้สนิทอยู่เสมอ ถ้าหากยังได้กลิ่นก๊าซไอเสียในขณะที่ปิดประตูหลังสนิทแล้ว ให้เปิดหน้าต่างกระจกด้านข้าง และนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการโดยเร็วที่สุด
- ถ้ารถอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกให้ดับเครื่องยนต์ อย่าปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานเป็นเวลานาน และควรจอดรถในพื้นที่โล่ง เพื่อความปลอดภัยควรดูให้แน่ใจว่าควันไอเสียไม่เข้าไปในห้องโดยสารของรถ
- ไม่ควรให้เครื่องยนต์ทำงานในบริเวณที่มีหิมะก่อตัวหรือในบริเวณที่มีหิมะตก เพราะอาจทำให้มีก๊าซไอเสียสะสมและกลับเข้าไปภายในรถได้
- ควรทำการตรวจเช็คระบบไอเสียตามระยะเวลาที่กำหนด ดูว่าถ้ามีรอยร้าวหรือรอยแตกที่เกิดจากการผุกร่อน หรือท่อไอเสียมีเสียงดังผิดปกติให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็คและซ่อมแซมที่ศูนย์บริการทันที
ถ้าไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ออกจากตำแหน่งPได้
ถ้าในกรณีที่ไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ได้โดยที่เท้าอยู่บนแป้นเบรก อาจจะเป็นเพราะมีปัญหาที่ระบบล็อคเกียร์ คือ ระบบที่ป้องกันการเลื่อนคันเกียร์โดยบังเอิญ ถ้าเป็นปัญหาเกิดขึ้นให้นำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการโดยทันที แต่จะมีการแก้ไขเฉพาะหน้าในกรณีฉุกเฉิน มีขั้นตอนอย่างไรบ้างมาดูกัน
- ให้เหยียบเบรกสำหรับจอด และทำการปรับสวิตซ์เครื่องยนต์ไปที่โหมดaccessory
- เหยียบแป้นเบรกอีกครั้ง ตามด้วยกดปุ่มปลดล็อคคันเกียร์โดยใช้ไขควงปากแบนหรืออุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายควรพันปลายไขควงด้วยเศษผ้าก่อนที่จะทำการกดปุ่ม
ถ้ารถติดหล่ม
- ให้ดับเครื่องยนต์ พร้อมกับใส่เบรกสำหรับจอดและเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งP
- กำจัดดินโคลนหรือหิมะออกจากบริเวณรอบๆล้อหน้า และนำแผ่นไม้หรือหินหรือวัสดุที่สามารถใช้แทนได้วางใต้ล้อหน้าเพื่อทำการช่วยเสริมแรง หลังจากนั้นให้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง
- ให้เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งDหรือR พร้อมกับปลดเบรกสำหรับจอด จากนั้นให้เหยียบคันเร่งเพื่อทำการเลื่อนรถอย่างระมัดระวัง
**เมื่อไม่สามารถนำรถเคลื่อนออกมาได้ ให้ทำการกดปุ่ม OFF เพื่อปิด TRC ในกรณีที่ล้อรถหมุนฟรีหรือติดในโคลนดิน หรือหิมะ ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ถ้าจำเป็นต้องหยุดรถในกรณีฉุกเฉิน
เฉพาะกรณีฉุกเฉิน เช่น กรณีที่ไม่สามารถหยุดรถได้ด้วยวิธีปกติ สามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ให้เหยียบแป้นเบรกอย่างต่อเนื่องโดยใช้เท้าทั้ง2ข้างเหยียบแป้นเบรกให้สุด ไม่ควรเหยียบย้ำแป้นเบรกซ้ำๆ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มแรงที่ต้องใช้เพื่อทำให้รถช้าลง
- ถ้าสามารถเลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่งNได้ ให้ทำการเลื่อนทันที หลังจากที่รถเริ่มช้าลงให้หยุดรถริมถนน ในที่ๆปลอดภัย และดับเครื่องยนต์
- ถ้าไม่สามารถเลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่งNได้ ให้เหยียบแป้นเบรกไว้ตลอดด้วยเท้าทั้งสองข้างเพื่อทำการลดความเร็วของรถให้ได้มากที่สุด และดับเครื่องยนต์ให้กดสวิตซ์ค้างไว้ต่อเนื่อง2วินาทีหรือมากกว่านั้น หรือกดย้ำๆ3ครั้งหรือมากกว่านั้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นให้หาที่หยุดรถในที่ปลอดภัยริมถนน
คำเตือน
ถ้าจำเป็นต้องดับเครื่องยนต์ในขณะที่ขับขี่ ระบบเสริมแรงเบรกและพวงมาลัยจะไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บังคับเลี้ยวและเบรกได้ยากขึ้น ควรทำการลดความเร็วรถลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์
ถ้ารถยางแบน
โดยปกติแล้วที่รถแต่ละคันจะมียางอะไหล่ สามารถนำยางอะไหล่นี้ไปเปลี่ยนแทนได้ และเรามาดูกันว่าเมื่อไหร่บ้างที่ควรเปลี่ยนยาง
- เมื่อยางรถเสียหาย เช่น ฉีกขาด ปริ หรือแตกเป็นรอยลึกพอที่สามารถทำให้ยางแตกได้
- ยางแบนบ่อยๆ หรือไม่สามารถซ่อมได้เนื่องจากขนาดของรอยฉีกขาดอาจจะมากเกินไป
- ยางโดยมาตรฐานที่มีอายุการใช้งานมากกว่า6ปี แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้งานหรือไม่เคยใช้งาน จะต้องได้รับการตรวจเช็คโดยช่างอยู่เสมอ
- เมื่อดอกยางของยางหิมะสึกหรอจนไม่มีดอกยางหรือดอกยางน้อยกว่า4มิลลิเมตร ยางจะสูญเสียประสิทธิภาพในการใช้งานทันที
- ควรติดตั้งยางอะไหล่ตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ จากนั้นติดยางอะไหล่ยึดไว้ให้แน่น ถ้าทำการติดยึดไม่แน่น อาจจะทำให้มีเสียงในขณะรถวิ่งได้
แรงดันลมยาง
การตรวจเช็คแรงดันลมยาง ควรทำการตรวจเช็คอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกๆ2สัปดาห์
เมื่อแรงดันลมยางไม่เหมาะสมจะทำให้มีผมที่ตามมามีดังนี้
- ทำให้ใช้พลังงานเชื่อเพลิงสิ้นเปลือง
- ความสะดวกสบายในการขับขี่ลดลงและทำให้ควบคุมรถได้ยากขึ้น ความปลอดภัยลดลง
- อายุการใช้งานของยางลดลงเนื่องจากเกิดจากความสึกหรอ
การติดตั้งยางอะไหล่
- ให้ทำการกำจัดสิ่งสกปรกหรือสิ่งแปลกปลอมออกจากพื้นผิวหน้าของกระทะล้อ ถ้ามีสิ่งสกปรกเกาะอยู่จะทำให้น็อตล้อหลวมได้ในขณะรถเคลื่อนที่ จะเป็นเหตุให้ยางหลุดออกมาได้
- ทำการติดตั้งยางอะไหล่และให้ใช้มือหมุนยึดน็อตแต่ละตัวไว้อย่างหลวมๆ ให้หมุนในจำนวนครั้งที่เท่ากันทุกๆตัว และหมุนไปจนกว่าแหวนรองเข้ามาชิดกับจานกระทะล้อ หลังจากนั้นก็ยกรถลงมา
- ไขยึดนัดล้อแต่ละตัวให้แน่นขึ้นกว่าเดิมสองถึงสามเท่า (ค่าแรงบิด103นิวตันเมตร)
- เมื่อเสร็จแล้วให้เก็บยางแบนแม่แรง และเครื่องมือทั้งหมด ยางที่แบนแล้วจะไม่สามารถเก็บไว้ในที่เก็บยางอะไหล่ได้ ให้ทำการเก็บไว้ในห้องเก็บสัมภาระแทน